ผมเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนมองนั-ก-โ-ท-ษชายอยู่ด้วยแววตาที่แสนเศร้า สักพักน้ำตาเด็กคนนี้ไหลออกมานองหน้า
ที่น่าแปลกใจนั-ก-โ-ท-ษคนที่เด็กผู้ชายคนนี้ยืนมองอยู่นั้นก็นั่งร้-อ-ง-ไ-ห้เหมือนกัน ผมเดินไปถามน้องคนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ประโยคที่น่าสะเทือนใจคือ ครูครับผมเจอพ่อ ผมตกใจมากๆเลยถามว่าอยากคุยกับพ่อไหม น้องพยักหน้าผมเลยขออนุญาต
ผู้คุมให้นั-ก-โ-ท-ษมาเจอกับน้องคนนี้ได้ไหม ปรากฎว่าท่านผอ.ท่านเมตตาครับ ทุกท่านเชื่อไหมช่วงเวลาที่พ่อลูกเจอกัน
ไม่มีใครสักคนกลั้นน้ำตาไว้ได้ ไม่เว้นแม่แต่ผู้ชายแกร่งๆอย่างครูต่าย สองคนโผเข้ากอดกันทั้งน้ำตา
ผู้เป็นพ่อหอมแก้มลูก หอมแล้วหอมอีกอยู่อย่ๅงนั้น เด็กชายโผกอดพ่อทั้งน้ำตๅ พรั่งพรูคำพูดออกมามากมาย
ผมจับใจความได้แค่ว่า พ่อคิดถึง พ่อขอโทษ พ่อออกไปพ่อจะเป็นคนดี อย่ๅดื้อนะลูก” ประโยคหนึ่งที่น่าสะเทือนใจคือ
“หนูอๅยเพื่อนไหมลูก อายไหมพ่อติดคุ-ก” เด็กผู้ชายคนนี้ตอบทั้งน้ำตๅว่า “ไม่อๅยครับ”เป็นคำตอบทั้งน้ำตๅของเด็กผู้ชาย
คนหนึ่งที่มีความกตัญญูอยู่เต็มหัวใจ ไม่สนใจว่าใครจะเห็น ไม่สนใจว่าใครจะมองแบบไหน สนใจแต่เพียงว่าเขาได้กอดพ่อเขา
เขาได้เจอพ่อของเขา ภาพสุดท้ายแห่งความหดหู่นี้คือการก้มลงกราบที่เท้าผู้พ่อของหนุ่มน้อยคนนี้ ทุกท่านครับผมมั่นใจเหลือเกิน
ถ้าพ่อของน้องคนนี้เลือกได้ หรือย้อนเวลาได้เขาคงไม่ทำผิดจนต้องถูกจองจำ เขาคงไม่อยๅกเจอลูกในสภาพของการเป็นนั-ก-โ-ท-ษ
ที่สำคัญวันนี้เขาไม่สามารถย้อนเวลาต่างๆได้ แต่เรื่องราวของสองพ่อลูกคู่นี้คงเป็นอุทธาห รณ์สอนใจสำหรับผู้คนที่ยังมีอิสรภาพ
ได้อีกมากมายหลายคน ท่านไม่ต้องรอย้อนเวลาใดๆ เพราะท่านยังไม่ได้พลาดจนถูกตัดสินให้ต้องจองจำในคุ-ก
แสดงว่าท่านยังมีโอกาส จงใช้โอกาสที่ได้นี้ให้สมบูรณ์และงดงามที่สุด เพื่อตัวท่าน ครอบครัวท่าน และเพื่อแผ่นดินไทย”